วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

ตีแตก!!! ต้องแบบนี้ ... ผักทอดสูญญากาศ Greenday จริงหรือที่ธุรกิจจะต้องเอาการตลาดนำอย่างเดียว

ยังคงทำรายการได้น่าสนใจอย่างต่อเนื่องนะครับ สำหรับ SME ตีแตกของคุณปัญญา ที่ผมเขียนถึงหลายครั้งแล้ว เทปล่าสุดเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา น่าสนใจเป็นพิเศษ เลยขอเขียนถึงอีกครั้งครับ

ที่ว่าน่าสนใจก็ตรงที่ผู้บริหารนี่แหละครับ เป็นหนุ่มอายุ 20 ปลายๆ 3 คนที่ก็คงเป็นเพื่อนกันแล้วมาทำธุรกิจด้วยกัน มีคนหนึ่งที่เป็นกรรมการผู้จัดการ ที่น่าจะเป็นตัวหลักของทีม ผมไม่ทราบประวัติของผู้บริหารคนนี้นะครับ แต่เท่าที่ดูบุคคลิกท่าทาง การพูดจา การตอบคำถาม สิ่งที่ตอบออกมา ความคิดที่แสดงออกมา ทำให้พอจะเดาได้ว่า น่าจะศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ หรือ บริหาร มาอย่างดี เป็นเอ็มบีเอสไตล์โดยแท้ ความมั่นใจในตัวเองสูงมาก

ตัวธุรกิจก็คือ บริษัท Greenday ผลิตและจำหน่ายของขบเคี้ยว ที่ทำจากผักและผลไม้อบแห้ง แต่ด้วยเทคนิคพิเศษที่ทางบริษัทใช้คำว่า ทอดในสูญญากาศ ที่จะทำให้ใช้ความร้อนในการทอดน้อยกว่าปกติ ก็จะช่วยให้คุณค่าทางอาหารของผักผลไม้นั้นยังคงอยู่ได้มากกว่าปกติด้วย

สินค้าที่กรีนเดย์ภูมิใจเสนออย่างแรง และน่าจะเป็นสินค้าที่ตรงคอนเซ็ปท์บริษัทที่สุด แถมยังเคลมด้วยว่าเป็นรายแรกของโลกที่ทำสินค้าตัวนี้ออกจำหน่าย นั่นก็คือ บร็อคโคลี่อบแห้ง ( ทอดสูญญากาศ ) ซึ่งกำลังไปได้สวยในตลาดต่างประเทศ โดยสัดส่วนตลาดต่างประเทศรวมทุกผลิตภัณฑ์สูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั้งหมด ค่อนข้างชัดเจนว่า บริษัทนี้ให้ความสำคัญกับตลาดต่างประเทศมากกว่า และยังต้องปั้นสินค้าในประเทศต่อไป

จริงๆแล้วถ้าใครได้ติดตามข่าวสารทางด้านการค้นคว้าวิจัยก็คงจะเคยได้ยินถึงเทคนิคที่ว่าอยู่บ้าง รวมไปถึงเทคนิคอื่นๆ ที่ทำให้ผัก ผลไม้ ที่มีมากมายของไทยเรา อยู่ในสภาพแห้ง เก็บได้นาน ยังคงคุณค่าทางอาหารไว้ได้ อย่างง่ายๆที่เราได้ผลไม้อบแห้ง สินค้าโอท็อป ซึ่งก็ทำได้ดีในระดับหนึ่ง

แต่สำหรับบริษัทน้องใหม่รายนี้ ได้ทำให้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก้าวไปอีกขั้น การทำโรงงานให้ได้มาตรฐาน ทันสมัย การใส่ความคิดเข้าไปในทุกๆกระบวนการตั้งแต่วัตถุดิบ การออกแบบผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการหาช่องทางการตลาดทั้งในและนอกประเทศ และเท่าที่ดูรายการมาตั้งแต่ต้น ก็เห็นว่าผู้บริหารสามารถคิดวางแผน และดำเนินการจริงได้อย่างน่าชมเชย

ในทุกครั้งก็จะเชิญกรรมการคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจที่ใกล้เคียงกับผู้แข่งขัน แต่ทำมาก่อนและใหญ่กว่ามากมาตั้งคำถามและตัดสินด้วย ครั้งนี้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์โก๋แก่ ที่คนไทยทุกคนรู้จักอยู่แล้ว กรรมการท่านนี้ถามตรงจุดที่ว่า สิ่งที่กรีนเดย์เรียกว่าเป็นนวัตกรรมนั้น ในความเห็นของกรรมการไม่ได้คิดว่ามันมีอะไรใหม่ ใครก็เลียนแบบได้ ผู้บริหารกรีนเดย์ตอบกลับได้อย่างฉะฉาน มั่นใจในเทคโนโลยีการผลิตของตัวเอง และรสชาติที่ถือว่าเลียนแบบกันไม่ได้

ผมขอสนับสนุนอีกว่า หากมันทำตามกันได้จริงๆ คงได้เห็นโก๋แก่ ทำถั่วลันเตา ถั่วแอลมอนด์ แมคคาเดเมีย สารพัดถั่วไปมากมายแล้ว แต่ที่โก๋แก่ไม่ได้ขยายไลน์ไปมากขนาดนั้น ก็เพราะจริงๆแล้วก็คือ คนเราทำทุกอย่างไม่ได้ มันต้องเลือกสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุด ที่กำลังตัวเองจะทำไหว ไม่เกินตัวหัวใจของความพอเพียงมิใช่หรือ

คำถามหนึ่งจากอาจารย์ธัญวัฒน์ ( ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกรึเปล่านะครับ ขออภัยครับ ) คือว่า ยอดขายที่มากมายจนเหมือนผูกขาดตลาดอยู่เวลานี้ ก็ไม่ได้แปลว่าจะผูกขาดได้ตลอดไป หากรายใหญ่ลงมาทำจะเป็นอย่างไร แน่ใจหรือที่จะนำสินค้าตัวนี้เข้าไปขายในเซ่เว่น พร้อมแล้วหรือ คำตอบที่โดนใจผมจริงๆก็คือ ในระยะยาวแล้ว เราทุกคนก็ตายทั้งนั้น สำคัญที่วันนี้ทำดีที่สุดแล้ว อนาคตก็เป็นสิ่งที่ต้องเตรียมการไว้ จริงๆก็เข้าใจอาจารย์ถึงบทบาทที่ต้องมีในรายการนะครับ แล้วก็เป็นเรื่องดีที่ผู้ประกอบการจะต้องเตรียมแผนรับมือไว้

แต่ ... ก็ไม่ผิดใช่มั้ยครับ ถ้าผู้ประกอบการคนหนึ่งจะคิดทำธุรกิจที่มีพื้นฐานจากการคิดนำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างการไปสู่บริโภค ทดแทนการบริโภคของขบเคี้ยวที่ไม่ค่อยมีคุณค่าทางอาหาร และก็ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การผลิต ไปถึงเรื่องของการตลาดได้อย่างดีแล้ว ที่สำคัญคือแต่ละก้าวที่ก้าวไปจะยึดหลักความพอเพียง คือไม่ทำอะไรที่เกินตัวเกินความสามารถ เกินกำลังเงินทุน หากก้าวได้อย่างมั่นคงแบบนี้จะยังต้องกลัวอะไรอีก รายใหญ่ทุนเยอะก็ยังต้องแพ้ให้กับรายเล็กที่แข็งแกร่งแบบนี้มาแล้ว

ขอเป็นกำลังใจให้กับผุ้บริหารกรีนเดย์ด้วยครับ คุณทำให้ผู้ชมอย่างผมรู้สึกดีกับธุรกิจคุณเอามากๆ และถ้าได้วางอยู่ในเซเว่นแล้วจริงๆ ในราคาที่สมเหตุสมผล ผมจะขอเลือกบร็อคโคลี่อบแห้งของคุณแทนมันฝรั่ง หรือว่าพวกแป้งทอดกรอบใส่ผงชูรสที่แพงไร้เหตุผลแถมยังทำลายสุขภาพผู้บริโภคอีก

ผู้สนใจลองเข้าชมเว็บของกรีนเดย์ได้ครับ ไม่ได้เป็นอะไรกับผมและไม่มีค่าโฆษณาให้ผมนะครับ แค่เห็นว่าทำดีก็อย่างบอกต่อ ขอบคุณภาพจากเว็บของบริษัทด้วยครับ http://www.greenday.co.th/

.............

ขอเชิญเข้าชมบ้านเล็กของ lotslikelove ได้ที่ http://lotslikelove.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น