วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ศรัทธา... ของผม... ของ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล

เป็นเวลา 12 สัปดาห์เต็มที่ผมต้องเฝ้าอยู่หน้าจอ คอยติดตามชมรายการพื้นที่ชีวิต ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย รายการที่นำเสนอเรื่องราวการเดินทางของ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล นักเขียน นักดนตรี นักแสดงผู้รับบทคู่ปรับอินทรีแดง และแน่นอน ทายาทของบุคคลสำคัญ 2 ท่าน คุณเสกสรร ประเสริฐกุล และคุณจิระนันท์ พิตรปรีชา

นอกจากความน่าสนใจในตัว วรรณสิงห์ ผู้ดำเนินเรื่องแล้ว การประกาศตัวว่าไม่ได้ศรัทธาในศาสนาใด ตั้งแต่ตอนแรกของรายการ และย้ำในทุกครั้งตอนต้นรายการ ว่า

"บางทีการที่เราไม่ศรัทธาในศาสนาพุทธนี่ หรือศาสนาใดๆ ก็ตาม ไม่ได้เป็นเพราะคำว่าศาสนา ไม่ได้เป็นเพราะตัวศาสนา แต่เป็นเพราะสังคมที่เราอยู่มากกว่า ที่เขานำสิ่งที่เรียกว่าศาสนามาแปรเปลี่ยนเป็นบางสิ่งซึ่งเราไม่รู้สึกเชื่อถือเลย" ( ที่มา : สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย )

เป็นสิ่งที่ชวนให้คนดูอย่างผมสงสัย และอยากที่จะติดตามการเดินทางของวรรณสิงห์ ที่ไปยังเมืองต่างๆ ทั่วเอเชีย เพื่อสำรวจศรัทธาของผู้คน ที่มีให้กับศาสนาที่ตนนับถือ ว่าจะให้คำตอบอะไรกับเค้า และตัวผมเองบ้าง

เพราะส่วนหนึ่งของคำถามในใจของวรรณสิงห์ที่มีต่อศาสนา ผมยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เป็นคำถามในใจผมเช่นกัน และเชื่อได้เลยว่า มีอีกหลายคนที่ตั้งคำถามนี้ในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศาสนาพุทธที่เราเอ่ยออกมาได้อย่างอัตโนมัติว่าเราเป็นคนพุทธนั้น การตักบาตร ไหว้พระ สวดมนต์ และร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในวันสำคัญ ทำให้เราดับทุกข์ได้จริงหรือ

การเดินทางของวรรณสิงห์ เริ่มต้นจากหลวงพระบาง ไปพาราณสี ธรรมศาลา เวียดนาม พุกาม ศรีลังกา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และสุดท้ายจบที่กัมพูชา แต่ละตอนก็จะได้พบ และพูดคุยกับผู้คนในเมืองนั้น ในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ และความคิดเห็นต่อศาสนาที่ตนนับถืออยู่ ( รายละเอียดโปรดติดตามได้ที่เว็บไซต์ทีวีไทยครับ ) แต่ละคนแต่ละประเทศ แต่ละศาสนาก็มีรายละเอียดปลีกย่อยแต่ต่างกันไป

จนถืงเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ผมได้ชมบทสรุปส่งท้ายของการเดินทางของวรรณสิงห์ ซึ่งก็เป็นวันที่ผมรอคอยว่า ที่เดินทางไปสัมผัสชีวิตผู้คนในหลายประเทศนั้น ให้อะไรกับเค้าบ้าง และจะสรุปอย่างไรกับคำถามต่อศาสนาที่ตั้งไว้แต่แรกก่อนเดินทาง

เพราะในฐานะคนดูคนหนึ่ง สิ่งที่ผมได้รับจากการชมทั้ง 12 ตอนนั้น ที่ได้แน่ๆก็คือได้สัมผัสชีวิตผู้คนในเมืองต่าง ที่คนธรรมดาคนหนึ่งอย่างผมอาจไม่มีโอกาสได้ไปเห็นจริง แต่นั่นอาจถือได้ว่าเป็นความสำเร็จเพียงส่วนเดียว ที่พาผู้ชมไปเปิดโลกทัศน์ อย่างสารคดีต่างประเทศ ประเด็นหลักที่ผมรู้สึกว่าถูกท้าทายไว้แต่แรก เท่าที่ดูมาทั้ง 12 ตอน สำหรับผมยังไม่ได้คำตอบชัดเจนเท่าไรนัก

บทสรุปการเดินทาง จึงเป็นสิ่งที่ผมเฝ้าติดตามตั้งแต่วินาทีแรก วรรณสิงห์ เล่าย้อนทบทวนความประทับใจในแต่ครั้งที่เดินทาง และตั้งข้อสังเกตว่า แต่ละศาสนา มีจุดร่วมจุดหนึ่งที่คล้ายคลึงกันนั่นคือการลดอัตตา ลดตัวตนของแต่ละคนลง เพื่อจะนำมาซึ่งความสุข ที่แน่นอนว่าเป็นแก่นแท้ของหลักธรรมในศาสนาพุทธอยู่แล้ว เช่นเดียวกับแนวความคิดที่นับถือพระเจ้าเป็นสิ่งสูงสุด ของคริสต์และอิสลาม ที่ทำให้แต่ละคนลดความยึดถือตัวตนลง และยังยกตัวอย่างการอยู่ร่วมกันได้ของหลายศาสนาในศรีลังกา และอินเดีย ที่บ่งชี้ว่าความแตกต่างของศาสนา ไม่ได้เป็นสาเหตุของความขัดแย้งในโลก

ดูเหมือนผม จะใจตรงกับวรรณสิงห์อีกครั้ง ที่การเดินทางทั้ง 12 ตอนแม้จะได้เปิดโลกทัศน์ รับความแตกต่างหลากหลายบนโลกนี้ รับรู้ศรัทธาของผู้อื่น แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบชัดเจนเกี่ยวกับศรัทธาของตัวเอง ตอนสุดท้ายนี้ วรรณสิงห์ จึงได้ย้อนกลับมาสำรวจใจตัวเอง ด้วยการเดินทางไปยังสวนโมกข์ ที่ซึ่งชาวพุทธทั้งหลายให้การยอมรับถึงแนวทางปฎิบัติ หลักคิดต่างๆ ตามแนวของท่านพุทธทาส

และตอนนี้เองที่ ผม ก็รู้สึกอย่างเดียวกับ วรรณสิงห์ ที่เห็นได้ว่า เปลือกนอกของศาสนาพุทธ ได้หลุดร่อนออกไป เหลือแต่แก่นแท้ของหลักธรรมคำสอน

และแม้จะยังไม่สามารถ นำหลักธรรมอันเป็นเนื้อแท้ของพุทธศาสนามาใช้นำทางชีวิตได้อย่างสมบูรณ์ แต่ผมก็รู้สึกเช่นเดียวกับวรรณสิงห์อีกครั้ง ว่าสิ่งนี้แหละ ที่ใกล้เคียงกับคำตอบของศรัทธาในตัวเองที่สุดแล้ว

ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องไปไล่เลียงคำตอบอะไรกับวรรณสิงห์อีก เพราะเจ้าตัวเองก็บอกแล้วว่าเป็นเพียงมุมมองของคนคนหนึ่ง ส่วนตัวผมเองคิดว่า เราชาวพุทธโดยกำเนิดนี้ แม้จะละเลยศาสนา ห่างไกลวัดวาไปบ้าง แต่เท่าที่เราเจริญเติบโตมา ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นเมืองพุทธ การเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่ก็เป็นคนพุทธนั้น ทำให้ผมซึมซับหลักของพุทธศาสนาไปแบบไม่รู้ตัว ทั้งเรื่องของความดีความชั่ว บาปบุญคุณโทษ เรื่องของความสุข ความทุกข์ หนทางของการดับทุกข์ และทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้

สำหรับตัวผมเอง แม้จะยังมีคำถามต่อบรรดาพิธีกรรม วัด และพฤติกรรมของพระสงฆ์บางรูป ซึ่งก็เป็นเพียงเปลือกนอก แต่ในใจลึกๆแล้วก็มั่นใจได้ว่า หลักธรรมของพุทธศาสนา เป็นสิ่งที่ศรัทธาได้อย่างแท้จริง

ขอบคุณทีวีไทย รายการพื้นที่ชีวิต และวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ที่ทำให้ผมได้เปิดโลกทัศน์ ได้ย้อนกลับมาคิดถึงศรัทธาในตัวเองอีกครั้ง

( ขอบคุณข้อมูล และภาพทั้งหมดจาก http://www.thaipbs.or.th/Life/ )


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น